ทุกวันนี้ครีมกันแดดบ้านเรามีหลายยี่ห้อมากๆ และค่า SPF ก็มีตั้งแต่ต่ำๆ ไปจนถึงสูงปรี๊ด (บางตัวก็สูงไปจนน่ากลัว) คุณภาพที่ได้นั้นก็แตกต่างกันไปตามสารกันแดดที่ใส่มาค่ะ ซึ่งสารกันแดดที่พบในปัจจุบันมีมากกว่า 30 ชนิดเลยนะคะ แต่ที่นำมาใช้ในเครื่องสำอางจริงๆ นั้นมีอยู่ประมาณ 15-20 ชนิดค่ะ ซึ่งแต่ละตัวนั้นก็ให้ความเสถียรในการกันแดดไม่เหมือนกัน ตัวนี้อาจจะกัน UVA แต่ไม่กัน UVB อีกตัวกัน UVB แต่ไม่กัน UVA หรือบางทีกันทั้งสองตัว แต่พอเจอแดดไปสองชั่วโมงก็สลายตัวไปแล้ว อะไรทำนองนี้ค่ะ เลยเป็นที่มาว่า ทำไมใช้ตัวนี้แล้วหน้ายังคล้ำ นั่นก็เพราะว่าเขาเลือกใส่สารกันแดดตัวใดตัวหนึ่งมาให้เรา ซึ่งมันไม่สามารถปกป้องผิวเราได้ทั้งหมดนั่นเอง จึงเป็นที่มาว่า ทำไมทาครีมกันแดดทุกวัน แต่ผิวยังคงคล้ำเสียอยู่ดี
 

• Titanium Dioxide สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ได้เป็นอย่างดี แต่ข้อเสียคือ ผลิตภัณฑ์ที่ใส่ Titanium Dioxide มานั้น มักจะทำให้ผิวของเราดูขาวมากกว่าปกติ จึงต้องมีการพัฒนาให้มีอนุภาคที่เล็กลงเพื่อให้สะท้อนแสงได้น้อยลง ผิวก็จะไม่ขาววอก สารตัวนี้ถือว่ามีความเสถียรมากเมื่อเทียบกับสารกันแดดแบบเคมีด้วยกัน
• Benzophenone-3 (oxybenzone) เป็นสารกันแดดที่มีความเสถียรอีกหนึ่งตัว แต่กลับมีประสิทธิภาพในการดูดกลืนรังสีต่ำ หรือกันแดดได้ไม่ดีนัก จึงต้องใช้ในปริมาณที่เข้มข้นมากขึ้น นั่นหมายความว่า อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้นั่นเองค่ะ
• 2-EthylhexylMethoxycinnamate เป็นสารกันแดดที่ได้รับความนิยมมากในแวดวงเครื่องสำอาง สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB แต่ไม่เสถียรเมื่อโดนแสงค่ะ
• Butyl Methoxydibenzoylmethane (Avobenzone) ปกป้องผิวจาก UVA ได้เป็นอย่างดี แต่สลายตัวได้ง่าย จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ร่วมกับกับสารเคมีตัวอื่นที่ช่วยคงสภาพของ Avobenzone ไว้ได้
• Bis-Ethylhexyloxyphenolmethoxytriazine ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB มีความเสถียรมาก และยังนิยมใช้เป็น stabilizer คงสภาพให้กับสารกลุ่ม Avobenzone อีกด้วย
   

• ค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บ่งบอกประสิทธิภาพใจการป้องกันรังสี UVB ในเวลาปกติที่ผิวเราไม่ได้ทาครีมกันแดด ผิวของเราจะรับมือกับแสงแดดได้ประมาณ 20 นาทีโดยเฉลี่ย ค่า SPF ที่ระบุอยู่บนผลิตภัณฑ์นั่นคือจำนวนเท่าของการปกป้องที่เพิ่มขึ้นค่ะ เช่น SPF 15 = 15x20 = 300 นาที หรือ 5 ชั่วโมงนั่นเอง ถ้าโบกกันแดดมาแต่เช้า ก็ควรทาซ้ำอีกครั้งระหว่างวันค่ะ เพื่อการปกป้องที่ต่อเนื่องนั่นเอง
• ส่วนค่า PA (Protection Grade of UVA) บอกระดับการป้องกันรังสี UVA แบ่งเป็นสามระดับคือ PA+ PA++ และ PA+++     
       ในแสงแดดนั้นมีทั้งรังสี UVA และ UVB การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งค่า SPF และ PA จึงเป็นการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีที่สุดค่ะ

 

ไม่ทาครีมกันแดดได้มั้ยคะ